วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไร่สตอเบอรี่ขั้นบันได

ไร่สตอเบอรี่

การท่องเที่ยวไร่สตอเบอรี่ จะเป็นโปรแกรมท่องเที่ยวที่ถูกใส่ไว้ในโปรแกรมท่องเที่ยวดอยอ่างข่าง หลังจากชมทะเลหมอกในยามเช้าสำหรับนักท่องเที่ยว ที่เหมารถสองแถมท่องเที่ยวบนดอยอ่างขาง หรือหากไม่มีในโปรแกรมก็สามารถบอกคนขับให้พามาที่นี่ได้ หรือถ้าขับรถมาเอง ไร่ไร่สตอเบอรี่ จะอยู่ในเส้นทางไปบ้านนอแล ซึ่งก็อยู่ห่างจากบ้านนอแลไปไม่ไกลนัก หากไปไม่ถูกก็ถามชาวบ้านในละแวกนั้นได้

ไร่สตอเบอรี่่



มองผิวเผินก็คล้ายๆ กับไร่ชา เหมือนกัน

ไร่สตอเบอรี่



แดดอุ่นๆ ส่องมาในยามเช้า แอบหลงเสน่ห์ไร่สตอเบอรี่เต็มๆ สามารถลงไปเดินเล่นตามทางเดินที่ได้จัดทำไว้


ไร่สตอเบอรี่



หากต้องการเจอ ผลสตอเบอรี่ สีแดงๆ แบบนี้ แนะนำให้มาในช่วง ม ค – ก พ ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังปลกและเก็บเกี่ยวสตอเบอรี่

ไร่สตอเบอรี่


ไร่สตอเบอรี่



ชาวบ้านกำลังคัด สตอเบอรี่ บรรจุใส่กล่อง

ไร่สตอเบอรี่



ไร่สตอเบอรี่

หลังจากที่เคยเห็นแต่ภาพในหนังสือท่องเที่ยฉบับหนึ่งของ ท ท ท เขียนอธิบายเป็นตัวหนังสือเล็กใต้ภาพว่า ไร่สตอเบอรี่ดอยอ่างข่าง ก็ตั้งปณิธานในใจว่าซักวันต้องมาเที่ยวและเก็บภาพที่นี่ให้ได้ และก็ได้สมใจ บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค้าและประทับใจมากค่ะ

ไร่สตอเบอรี่
ไร่สตอเบอรี่



 

สตอเบอรี่ ถือเป็นผลไม้เมืองหนาวซึ่งรสชาติและความหอม เป็นที่โปรดปรานของใครหลายคน ยิ่งหากได้มาทางภาคเหนือแล้วเราก็จะได้ลิ้มความหวานอร่อยของสตเบอรี่สดๆ จากไร่เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้การท่องเที่ยวชมไร่สตอเบอรี่ จึงกลายเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ไร่สตอเบอรี่ ในภาคเหนือที่ปลูกกันเป็นล่ำเป็นสัน ก็คงจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของที่นี่ เพราะฉะนั้นหากต้องการเที่ยวไร่สตอเบอรี่ต้องนึกถึง เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นไร่สตอเบอรี่ สะเมิง ที่ขึ้นชื่อ หรือจะเป็น ตามสวนเกษตรต่างๆ แต่ไปด้วยกันอยากจะแนะนำ คือ ไร่สตอเบอรี่บนดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นของโครงการหลวง เป็น ไร่สตอเบอรี่ สุด Unseen ที่งดงามและหาดูที่ไหนไม่ได้

เกษตรกรผู้ปลูกสตรอเบอร์รี่อาจทำการผลิตต้นไหลสตรอเบอร์รี่เพื่อใช้ปลูกเอง หรือจะใช้ซื้อต้นไหลมาปลูกก็ได้ หากเกษตรกรจะทำการผลิตต้นไหลไว้ใช้ปลูกเองหรือเพื่อจำหน่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกรายอื่นมีข้อควรพิจารณาดังนี้

1. ต้นแม่พันธุ์ ต้นแม่พันธุ์จะต้องมีลักษณะดี คือ มีการสร้างไหลที่แข็งแรงและปริมาณมากตรงตามสายพันธุ์ ให้ผลผลิตสูง ปลอดจากโรค โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส

2. พื้นที่ที่ผลิตต้นไหล พื้นที่ที่เหมาะสมกับการผลิตต้นไหลจะ2. พื้นที่ที่ผลิตต้นไหล พื้นที่ที่เหมาะสมกับการผลิตต้นไหลจะต้องสะอาดปลอดจากเชื้อสาเหตุของโรค โดยเฉพาะเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคแอนแทรดโนส ใกล้แหล่งน้ำ สามารถนำน้ำมาใช้ได้ในช่วงฝนทิ้งช่วง การคมนาคมสะดวก สามารถขนย้ายวัสดุเพาะชำไปยังแปลงแม่พันธุ์ และขนส่งต้นไหลไปยังแหล่งปลูกได้โดยไม่บอบช้ำเสียหาย และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความสูงของพื้นที่ จากสาเหตุที่เมื่อช่วงแสงของวันสั้นลงและอุณหภูมิของอากาศเย็นลง ทำให้ต้นสตรอเบอร์รี่เปลี่ยนสภาพการเจริญเติบโตทางด้านสร้างไหลต้นไหล เป็นสภาพการเจริญเติบโตทางสร้างตาดอก ซึ่งส่งผลให้ต้นสตรอเบอร์รี่ที่เจริญเติบโตบนภูเขาสร้างตาดอกได้เร็วกว่าต้นสตรอเบอร์รี่บนพื้นที่ราบ เป็นผลให้ผลผลิตสตรอเบอร์รี่ที่เกิดจากต้นสตรอเบอร์รี่ที่ผลิตบนภูเขาที่มีอากาศหนาวเย็นออกสู่ตลาดได้เร็วกว่าผลผลิตสตรอเบอร์รี่พันธุ์เดียวกันที่เกิดจากต้นที่ผลิตจากพื้นที่ราบ ประกอบกับสภาพดินบนที่สูงหรือภูเขามีการระบายน้ำได้ดีกว่าพื้นที่ราบ ปัญหาโรคมีน้อยกว่า ทำให้ต้นไหลแข็งแรงมีคุณภาพดี ด้วยเหตุนี้จึงต้องผลิตต้นไหลสตรอเบอร์รี่บนภูเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่ต่ำกว่า 1,000 เมตร มีอากาศหนาวเย็น แล้วขนต้นไหลลงมาปลูกยังพื้นที่ราบ แต่ทั้งนี้แหล่งผลิตต้นไหลจะต้องไม่เป็นพื้นที่ภายในลุ่มน้ำที่ควรจะต้องสงวนรักษาไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารโดยเฉพาะ

3. แรงงาน เนื่องจากกระบวนการผลิตต้นไหลสตรอเบอร์รี่เป็นงานที่ต้องใช้แรงงานมาก เริ่มตั้งแต่การเตรียมแปลงปลูกต้นแม่พันธุ์ การปลูกดูแลรักษาต้นแม่พันธุ์ บรรจุวัสดุเพาะชำลงถุง การรองไหล การตัดไหล และการขนย้ายเพื่อนำไปปลูก ดังนั้น ในการผลิตไหลจึงควรพิจารณาถึงแรงงานที่จะต้องใช้ด้วย


การเตรียมแปลงปลูก


ดังได้กล่าวแล้วว่าความสูงของพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตต้นไหลมีผลต่อคุณภาพของต้นไหลที่ผลิตได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ผลผลิตเมื่อนำต้นสตรอเบอร์รี่ไปปลูก ดังนั้น เมื่อเราจำเป็นต้องทำการผลิตต้นไหลบนพื้นที่สูง ความลาดเทของพื้นที่ไม่ควรเกิน 15 % การเตรียมปลงปลูกต้องยกแปลงขวางแนวลาดเท (แบบขั้นบันได) เพื่อขจัดปัญหาการชะล้างและพังทะลายของดิน สำหรับการเตรียมดินก็ปฎิบัติเช่นเดียวกันกับการปลูกเพื่อต้องการผล


วิธีการปลูก


จะเริ่มปลูกต้นแม่พันธุ์ประมาณเดือนพฤษภาคม ปลูกแบบแถวเดี่ยวห่างจากสันแปลงด้านระดับสูงประมาณ 15 ซม. เพื่อให้มีพื้นที่เหลือสำหรับวางถุงเพาะชำต้นไหลจากสายไหลที่ทอดลงมา เว้นระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 1 เมตร ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 80 - 90 ซม. ในระยะแรกต้องบำรุงต้นแม่พันธุ์ให้แข็งแรงพร้อมทั้งตัดไหลที่ออกมาทิ้งให้หมด เพื่อให้ต้นแม่พันธุ์แตกกอประมาณ 4 -5 ต้น/กอ ประมาณเดือนกรกฎาคมจึงเริ่มปล่อยให้ต้นแม่พันธุ์แตกไหลได้ตามปกติ หลังจากที่ต้นไหลโตและเริ่ม
มีตุ่มรากเกิดขึ้น ให้นำถุงพลาสติกขนาด 3 x 5 นิ้ว ที่ใส่วัสดุปลูกจะเป็นดินล้วนหรือดินผสมก็ได้มารองรับต้นไหล แล้วใช้ไม้ไผ่เล็กๆพับกลางเสียบยึดสายไหลให้ติดกับดินในถุงพลาสติก รอจนต้นไหลสร้างรากและแข็งแรงดี ประมาณปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน จึงตัดต้นไหลออกจากต้ตแม่พันธุ์โดยตัดสายไหลที่เจริญมาจากต้นแม่ห่างจากต้นไหลประมาณ 3 เซนติเมตร เพื่อป้องกันโรคเข้าต้นไหลและใช้ในการจับระดับปลูก ส่วนไหลด้านปลายให้ตัดชิดต้นไหล

การผลิตไหลอีกลักษณะหนึ่งคือ เกษตรกรไม่ต้องใช้วัสดุเพาะชำรองไหลในช่วงแรก ปล่อยให้ต้นแม่แตกไหลไปเรื่อยๆแล้วใช้วิธีตลบไหลขึ้นแปลง เพื่อไม่ให้รากยึดเกาะกับดินในแปลง รอจนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคมจึงเริ่มรองไหล

ต้นแม่พันธุ์ 1 กอ จะสามารถผลิตไหลได้ประมาณ 15 - 20 สาย ซึ่งแต่ละสายจะมีต้นไหลประมาณ 10 ต้น ในการนำไปปลูกเกษตรกรจะต้องคัดเลือกต้นไหลที่ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป จึงทำให้ในแต่ละกอมีต้นไหลที่สามารถปลูกได้ดีเพียง 40 - 60 ต้นเท่านั้น